สารบัญ

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

ในยุคหนึ่งก็มีคนเพียงคนเดียวที่เชื่อว่า "โลกกลม"....?


- ในยุคหนึ่งก็มีคนเพียงคนเดียวที่เชื่อว่า "โลกกลม"....?


- และในยุคนี้ก็มีคนหลายคนหลายกลุ่มเชื่อว่า จักรยานน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการเดินทาง ที่มีประสิทธิภาพสูง... แต่คนกลุ่มนี้ก็ยังมีจำนวนไม่มากพอที่จะต่อรองอะไรๆกับการเดินทางด้วยพาหนะชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะ"รถยนต์ส่วนตัว"
- ในขณะที่เราแก้ปัญหาการจราจรติดขัด โดยการเพิ่มถนน ขยายช่องทางเดินรถ ติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อควบคุมการจราจร และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อแก้ปัญหารถติด...เคยคิดกันหรือไม่ว่า สิ่งที่เราแก้กันไปนั้น...ก็เพียงเพื่ออำนวยความสะดวกไม่ให้รถยนต์ส่วนตัวติดขัดเท่านั้น บ้านเราจะทำทุกอย่างเพื่อเอื้อเฟื้อต่อผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวมากเกินไป..และซึ่งจริงๆแล้วสาเหตุที่ทำให้รถติดมาจากรถยนต์ส่วนตัวที่มีมากเกินกว่าถนน การไม่เคารพกฏจราจร จึงทำให้การจราจรติดขัด 
- ในหลายประเทศที่เจริญแล้ว....เขาจะให้เกียรติ และเอื้อเฟื้อต่อ 1.คนเดิน  2.รถประจำทาง 3.จักรยาน ..ตามลำดับความสำคัญ....รถยนต์ส่วนตัวจะเป็นหลังๆที่จะได้รับการดูแลจากภาครัฐฯ และสังคมนั้นๆก็จะยอมรับกันไปโดยปริยาย..... 
- ฐานะทางเศรษฐกิจของชาติน่าจะดูกันที่ จำนวนคนเดินถนน(ได้เคลื่อนไหวร่างกายด้วย) จำนวนรถเมล์ จำนวนจักรยาน หรือระบบขนส่งประเภทราง ไม่ใช่จำนวนรถยนต์ส่วนตัวที่เต็มถนนอยู่ขณะนี้..



- ถึงเวลาแล้วที่พวกจักรยานต้องรวมตัวกันให้เหนียวแน่นและสามัคคีกัน เพื่อที่จะเรียกร้อง หรือเป็นตัวอย่างให้กับอีกหลายคนที่ยังไม่แน่ใจที่จะใช้จักรยาน..
- การทำเป็นตัวอย่างนี่แหละได้ผลที่สุดโดยเฉพาะหากว่าตัวอย่างนั้นเป็นคนมีชื่อเสียง มีฐานะร่ำรวย สถานภาพทางสังคมสูง....คนเหล่านี้จะเป็นแบบอย่างที่ดีมากๆ...
- แล้วคุณพร้อมหรือยังที่จะใช้จักรยาน.......


****** เชิญชมคลิปสั้นๆนี้นะครับ ******







วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

เมื่อจะทำงาน อย่าหยิบยกเอาความขาดแคลนเป็นข้ออ้าง


"เมื่อจะทำงาน อย่าหยิบยกเอาความขาดแคลนเป็นข้ออ้าง จงทำงานท่ามกลางความขาดแคลนให้บรรลุผล จงทำด้วยความตั้งใจและซื่อสัตย์"

บทความโดย  นพ.สมชัย  พงษ์ธัญญะวิริยา  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยะหริ่ง         

            ในวันหนึ่งของปี พ.ศ.2533 ปีที่ผมเพิ่งบรรจุเข้ารับราชการเป็นครั้งแรก หลังจากเรียนจบแพทย์ ได้ไปอ่านเจอพระบรมราโชวาทอยู่บทหนึ่งซึ่งอ่านแล้วกินใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากตรงกับสภาพการทำงานในขณะนั้น พระบรมราโชวาทดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสไว้ว่า


"เมื่อจะทำงาน อย่าหยิบยกเอาความขาดแคลนเป็นข้ออ้าง จงทำงานท่ามกลางความขาดแคลนให้บรรลุผล จงทำด้วยความตั้งใจและซื่อสัตย์"

ทรงพระราชทานไว้ตั้งแต่ พฤศจิกายน 2518 อ่านแล้วก็เก็บนำมาปฏิบัติและเป็นกำลังใจ ทำให้รู้สึกอยากทำงานเพราะคนเรามักอ้างโน่นอ้างนี่ อ้างว่าขาดโน่นขาดนี่แล้วไม่ยอมทำงาน หาได้ยากที่จะไม่กล่าวอ้างถึงความขาดแคลนแล้วจึงทำงาน พระองค์สอนให้เรารู้สึกได้ถึงการทำงานท่ามกลางความขาดแคลน ซึ่งต้องใช้ความตั้งใจและมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก สภาพโรงพยาบาลชุมชนปีพศ.2533 ต้องทำงานท่ามกลางความขาดแคลน แทบทุกด้าน ทั้งบุคลากร ครุภัณฑ์ งบประมาณ จึงถือได้ว่าเป็นบทเรียนแรกที่สอนผม ให้รู้จักการทำงานโดยใช้หลักพอเพียงที่ไม่ใช่เพิ่งเริ่มเมื่อ 10กว่า ปีนี้ แต่พระองค์ทรงสอนไว้กว่า 30 ปีแล้ว


เสื้อ เครือข่ายจักรยานหาดใหญ่ รุ่นที่ 2 เหลืออีก8ตัวเท่านั้น


เปิดจองเสื้อ เครือข่ายจักรยานหาดใหญ่ รุ่นที่ 2
รูปภาพ รูปภาพ

เป็นเสื้อคอกลมเนื้อดีพิเศษ รุ่นนี้ผลิตเฉพาะสีส้ม ออกแบบโดยคุณสาโรจน์ พลเพชร 
ผลกำไรที่ได้นำเข้า เครือข่ายจักรยานหาดใหญ่ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของเครือข่ายฯ
กรุณาแจ้งขนาดของเสื้อที่ต้องการ มาที่ คุณปัญชิตา ไชยภักดี โทรฯ 08 9876 6697

หรือที่ เฟสบุค http://www.facebook.com/notes/%E0%B8%AD ... 7273236383

ผ้าเนื้อดีตามแบบสมัยนิยม...
สีของลวดลาย สดใส ร่าเริง ตามแบบชาวเรา
จะใส่นอน ใส่นั่ง ขี่จักรยาน ทำงานบ้าน ไปตลาด..ล้วนเหมาะสม.. 


รายละเอียดของเสื้อ
ไซส์ S รอบอก 36นิ้ว (230 บาท)
ไซส์ M รอบอก 40นิ้ว (230 บาท) 
ไซส์ L รอบอก 44นิ้ว (230 บาท) 
ไซส์ XL รอบอก 46นิ้ว (240 บาท) 
ไซส์ 2XL รอบอก 48นิ้ว (250 บาท) 

** ราคาตัวละ 230 บาท (เสื้อขนาด XL ขึ้นไปเพิ่มค่าเสื้อไซส์ละ 10 บาท)**

-ต่างจังหวัดเพิ่มค่าส่ง ems 50บาท/ตัว(ไม่เกิน2ตัว)

โอนเงินเข้าบัญชี
ชื่อบัญชี อาคเณย์ ปัญจเทพ(เครือข่ายจักรยานหาดใหญ่)
เลขบัญชี 2462-163-694
ธนาคารกสิกรฯสาขาถนนศรีภูวนารถ หาดใหญ่

โอนเงินแล้วกรุณาโทรฯแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ
โทรฯ 08-9876-6697 หรือ 0-7435-6615 

หาดใหญ่ซื้อได้ที่ ร้านหาดใหญ่เมาเท่นไบค์(โกชัย) 0-7435-5055
ร้านเนชั่นมิวสิก 0-7435-6615

วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

สถิติที่น่าสนใจของสหภาพจักรยานดัทช์


"แบ่งปันข้อมูลมาจาก TCC โดย อ.ธงชัย มาให้พวกเราได้อ่านกัน ขอบคุณข้อมูลจากอ.ธงชัย ครับผม"

สถิติที่น่าสนใจของสหภาพจักรยานดัทช์ธงชัย  พรรณสวัสดิ์
สหภาพคนใช้จักรยานชาวดัทช์ หรือ the Dutch Cyclists’ Union หรือ(ในภาษาดัทช์) Fietsersbond ได้ฉลองครบ 35 ปีในปี 2009 ด้วยความภูมิใจที่ทำให้ชาวดัทช์สามารถใช้จักรยานได้อย่างสะดวกและปลอดภัย   และนี่คือส่วนหนึ่งของผลงานของ Fietsersbond
ค.ศ.1975   มูลนิธิ ENWBFietsersbond เริ่มมาจากสมาคมจักรยานหนึ่งเดียวในสมัยนั้น ที่มีชื่อเรียกว่า ENWB หรือ Eerste Enige Echte Wielrijders Bond  สมาคมฯมีจุดประสงค์ที่จะลดอุบัติเหตุจากการจราจรของคนใช้จักรยาน    พอปี 1979 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ENFB หรือ Enige Echte Nederlandse Fietsersbond  ซึ่งเป็นสหภาพคนใช้จักรยานชาวดัทช์หนึ่งเดียว   และได้เปลี่ยoชื่ออีกครั้งเป็นชื่อสั้นๆว่า Fietsers-bond ในปี 2000
ค.ศ.1983     30 กม./ชม. ในเขตที่อยู่อาศัยFietsersbond ได้รณรงค์เพื่อลดความเร็วรถยนต์ในเขตเมืองที่มีคนเยอะ   สุดท้ายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ยอมปล่อยให้เป็นอิสระของท้องถิ่นหรือเมืองที่จะตัดสินใจเองว่าจะใช้ความเร็วสูงสุดไว้ไม่เกิน 30 กม./ชม.หรือไม่
ค.ศ.1993   คู่มือจักรยานสบายๆ
ก่อนค.ศ.1993  สังคมดัทช์จะพูดกันถึงเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของการใช้จักรยาน    แต่พอหลัง 1993 เริ่มมีคู่มือที่มิได้พูดถึงเฉพาะความปลอดภัย แต่ได้รวมถึงความสะดวกสบายเข้าไปด้วย ซึ่ง Fietser-sbond ได้มีส่วนใส่ความคิดในคู่มือนี้อย่างมาก   เช่น  ทางจักรยานต้องราบรื่นและกว้างพอ  รวมทั้งต้องมีทางเชื่อมตรงระหว่างพื้นที่ต่างๆ  ตลอดจนต้องทำให้คนที่ใช้จักรยานไม่จำเป็นต้องไปจอดรอนานๆที่บริเวณสัญญาณไฟจราจร
ค.ศ.1997   อุปกรณ์เก็บจักรยานFietsersbond ได้รณรงค์อย่างหนักเป็นเวลาหลายปีเพื่อที่จะให้มีโรงเรือนเก็บจักรยานมากขึ้นและดีขึ้นที่บริเวณสถานีรถไฟ (หมายเหตุ:  คนดัทช์เดินทางด้วยรถไฟค่อนข้างมาก)  มีผลให้รัฐจัดงบ 500 ล้านยูโรมาเพื่อการนี้เป็นการเฉพาะ   ซึ่งพอสร้างเสร็จจำนวนคนที่ขี่จักรยานมาสถานีรถไฟเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาด  คือเพิ่มถึงไม่น้อยกว่ารัอยละ 46 ในระหว่างปี 2000 ถึง 2005     มาถึงปี 2009 คนจำนวนมากถึง 4 คนใน 10 คน (หรือ 40 เปอร์เซนต์) ขี่จักรยานไปสถานีรถไฟ
ค.ศ.2000   Fietsbalansในปี 1999 Fietsersbond ได้เริ่มศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้จักรยาน  เช่น ความเร็ว จำนวน  ความปลอดภัย  ที่เก็บจักรยาน ฯลฯ  โดยใช้อุปกรณ์ไฮเทค  และใช้ชื่อโครงการว่า Fietsbalans รวมทั้งมีการประกวด  ซึ่งเมืองใดทำได้ดีจะได้รับการประกาศว่าเป็น Fietsstad หรือเมืองจักรยาน   มีผลให้เกิดโครงการต่างๆมากมายในหลายเมือง  ทั้งเมืองขนาดใหญ่และเมืองขนาดเล็ก
ค.ศ.2001   จักรยานทางขวามือFietsersbond ผลักดันให้เกิดกฎกติการ่วมกันเพื่อป้องกันอุบัติเหตุว่า  หากจักรยานมาเจอกัน  จักรยานที่อยู่ทางขวามือจะได้สิทธิไปก่อน  (หมายเหตุ:  จักรยานในเมืองดัทช์ขี่ชิดขวา)
ค.ศ.2005    แจ้งทางจักรยานชำรุดในวันที่ 10 พ.ค.2005  ได้เริ่มโครงการเปิดให้ประชาชนแจ้งมาว่าพบทางจักรยานที่ใดชำรุดเสียหาย   ทางไม่เรียบ  มีรากต้นไม้โผล่  ฯลฯ   ผลปรากฏว่าได้รับแจ้งสูงถึง 255 ครั้งในวันแรกวันเดียว  และหลังจากดำเนินงานได้ 4 ปีครึ่ง  ได้รับรายงานแจ้งมากกว่า 11,000 ครั้ง  และที่ดีไปกว่านั้นคือ ปัญหาที่แจ้งมาได้รับการแก้ไขสูงถึงร้อยละ 62
ค.ศ.2006   นักวางแผนเส้นทางจักรยานFietsersbond ได้ริเริ่มให้มีนักวางแผนเส้นทางจักรยานขึ้นมาเป็นการเฉพาะ  ซึ่งมาถึงปี 2009 ก็มีเมืองมากมายที่มีเจ้าหน้าที่นี้ประจำอยู่ในเมือง   แม้ว่าในช่วงแรกจะได้การต่อต้านมากก็ตาม
ค.ศ.2007   โรงเรียนจักรยานFietsersbond ได้ริเริ่มโครงการโรงเรียนจักรยาน เพื่อสอนครูฝึกไปสอนเด็ก  พ่อแม่ผู้ปกครอง  ผู้ใหญ่ที่ขี่จักรยานไม่เป็น   เพื่อให้ใช้จักรยานได้อย่างถูกวิธี  ใช้เบรคถูกต้อง และหลบหลีกสิ่งกีดขวางเป็น ฯลฯ 
ค.ศ.2008   จักรยานแก้รถติดในกรณีที่รถติดมากๆ  หากมีทางจักรยานเชื่อมเมืองได้ดี  ก็จะมีคนหันมาใช้ทางจักรยานมากขึ้น   Fietsersbond จึงได้เริ่มศึกษาหาเส้นทางที่ใช้จักรยานด้วยความเร็วสูงและต่อเนื่องได้   ซึ่งได้เส้นทางไกลขนาด 10-20 กม. ขึ้นมาหลายเส้นทาง
ค.ศ.2008   ถุงลมFietsersbond ได้ดำเนินการให้ องค์กร TNO ของดัทช์ และ Autoliv ของสวีเดน  ร่วมกันพัฒนาถุงลมสำหรับติดไว้ที่รถยนต์   ซึ่งเมื่อรถยนต์ชนกับจักรยานถุงลมจะช่วยผู้ขี่จักรยานไม่ให้เกิดอันตรายร้ายแรง (แต่เป็นถุงลมคนละแบบกับที่ติดอยู่ในแผงหน้าหรือแผงพวงมาลัยของรถยนต์)  แนวคิดนี้ได้รับความสนใจจนถึงขนาดที่รัฐบาลดัทช์ได้มาร่วมโครงการ  และได้อนุมัติงบประมาณ 1.3 ล้านยูโร(ประมาณเกือบ 60 ล้านบาท)สำหรับโครงการนี้
หมายเหตุ: สมาคม Fietsersbond มีสมาชิกมากกว่า 33,000 คน  และทำงานสำคัญๆกับระดับท้องถิ่น โดยมีสาขาท้องถิ่นมากกว่า 150 สาขา

ที่มา:    สกัดจาก ‘Successes of the Dutch Cyclists’ Union’,  วารสาร Cycling Cities ฉบับพิเศษของสหภาพคนใช้จักรยานชาวดัทช์,  ธ.ค.2009
รูปประกอบ : www.hembrow.eu

วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555

ปั่นจักรยานอย่างไรให้มีความสุข


 ปั่นจักรยานอย่างไรให้มีความสุข



- อย่างไรถึงจะเรียกว่า มีความสุข คงหาคำตอบได้ไม่ง่ายนัก เพราะนึกไม่ออกเลยว่าจะปั่นให้มีสุขได้อย่างไร ในเมื่อความจริงแล้วขณะที่ปั่นเราจะพบกับความร้อน เหงื่อ  เหนื่อย หมดแรง ฯลฯ ตลอดการปั่นไม่ว่าจะปั่นใกล้หรือไกล โดยเฉพาะปั่นทางไกล..
- แต่ก็ไม่สิ้นความพยายามหาทางออกในเรื่องนี้ โดยการเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ว่า ปั่นจักรยานอย่างไรไม่ให้มีความทุกข์ แบบนี้คงหาคำตอบได้ง่ายกว่า

- เพราะกับการปั่นจักรยานแล้ว ผู้คนทั่วๆไปจะนึกถึงแต่ความไม่สบายตัว..ความร้อน...ดังที่กล่าวมาแล้ว...แถมท้ายที่น่ากลัวที่สุดก็คือ อุบัติเหติ ตั้งแต่เบาๆจนถึงรุนแรง...
- เพราะฉะนั้นแล้ว การขี่จักรยานอย่างไรไม่ให้เป็นทุกข์ก็เอาร่างกายของเราเองมาเป็นจุดเริ่มต้น อันดับต้นๆไม่พ้นเรื่องอาหาร คือคนเราต้องกิน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะออกปั่นอย่างมีความสุขขณะที่กำลังหิว โดยเฉพาะพวกแป้ง ไขมัน น้ำตาลบ้าง...แต่ก็ต้องไม่เกินความต้องการของร่างกาย ซึ่งแค่ไหนนั้นคงหาความรู้ได้จากรอบๆตัวทั่วไป คิดไม่ออกก็ กินแต่พอดี เอากลางๆไว้ก่อน พอเหมาะ พอดีกับการปั่นครั้งนั้นๆ ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อรู้สึกหิวต้องกินทุกครั้ง..แล้วค่อยปั่นต่อ..
- มักจะมีหลายคนบ่นว่าเหนื่อย หรือไม่มีแรงปั่น ในข้อนี้ตัดเรื่องใจสู้ออกไปก่อนเหราะมีหลายคนที่ใจเกิน100แต่ร่างกายไม่ไหวจริงๆ จนกระทั่งบางคนเป็นลมหมดสติ บาดเจ็บร่างกายส่วนต่างๆเพราะทนต่อการใช้กำลังเกินขีดความสามารถของร่างกายที่จะรับได้
- เรื่องนี้ก็แก้ไขและป้องกันได้ โดยการปั่นเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอหรือจะเรียกว่าการซ้อมก็ได้ การปั่นเป็นประจำจะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ทนต่อสภาพอากาศ ความร้อนต่างๆได้ดีขึ้น เป็นอันว่า ปั่นให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ4วัน ทำได้แบบนี้ร่างกายเราก็จะแข็งแรงขึ้นเวลาปั่นก็จะเหนื่อยน้อยลง...
- การที่เราจะซ้อมปั่นให้ได้บ่อยครั้งอย่างต่อเนื่องได้นั้น คุณจะต้องเสาะแสวงหาแรงจูงใจ จากคนรอบข้าง เช่นเพื่อญาติพี่น้อง เพื่อคนรัก เพื่อปั่นสู้โรค เพื่อฮีโร่ในดวงใจ ฯลฯ
-
- เมื่อเรามีแรงจูงใจมากพอที่จะทำให้เราออกปั่นได้มากและบ่อยครั้งขึ้น คุณก็จะพบกับปัญหาใหม่ก็คือ ฤดูกาล ที่เปลี่ยนไปเป็นประจำทุกปี..
- คงมีน้อยคนมากที่จะชอบปั่นกลางสายฝน เพราะนอกจากจะไม่ดีต่อสุขภาพของเราแล้วยังไม่ดีต่อรถจักรยานคันเก่งของเราอีกด้วย..
- แต่ก็จะใช่ว่าไม่สามารถปั่นได้เมื่อฤดูฝนมาเยือน เพียงแต่เราต้องใช้ เทรนเนอร์ ปั่นอยู่กับที่ ที่บ้าน...ตลอดช่วงที่ฝนตกหนัก




- หากฝนตกไม่หนักมาก แค่พอแฉะๆชื้นๆ อยากให้คุณทดลองออกไปปั่นพร้อมกับเสื้อกันฝนแบบครึ่งตัว คุณจะได้พบกับความแปลกใหม่อีกมากมาย เช่น สายหมอก,รุ้งกินน้ำ และช่วงหน้าฝนนี่แหละ จำไว้เลยว่า ฟ้าหลังฝนเวลากลางวันมันสวยมากๆ

- ประสบปัญหาเรื่องฝนในฤดูฝนไปแล้ว ก็ใช่ว่าหน้าร้อนจะไม่มีทุกข์ ปัญหาของหน้าร้อนก็ไม่พ้นแสงแดด แต่รู้สึกว่า เราจะรับมือกับหน้าร้อนได้ง่ายกว่าหน้าฝน
- เช่นเตรียมใส่หมวกแบบที่ปิดทั้งใบหน้า หรือใช้ผ้าบัฟ

เพียงเท่านี้เราก็สามารถรับมือกับแสงแดดแรงๆได้ดี..
- อุปกรณ์ที่จำเป็นเพิ่มเติมก็เช่น แว่นตา ปลอกแขน,ขา,ถุงมือ,ครีมกันแดด.......
- ที่สำคัญที่สุดที่เรามักจะลืมและไม่ให้ความสำคัญคือ การเสียน้ำจากร่างกาย แดดแรงๆนี่ทำให้เราเวียนหัว หน้ามืดเป็นลม และเป็นอันตรายอย่างมาก เราควรจะจิบน้ำบ่อยๆ...ตลอดการปั่นขณะแสงแดดแรงๆ...และรู้จักขีดจำกัดของตัวเอง
- อีกวิธีหนึ่งที่เป็นทางเลือกที่ดี คือการเลือกเวลาปั่น เช่นหลีกเลี่ยงการปั่นช่วง11.00น-14.00น
-  เพียงแค่นี้แสงแดดก็จะเป็นเรื่องเล็กสำหรับการปั่นให้มีความสุข
-  ฤดูหนาวน่าจะเป็นฤดูที่เป็นมิตรกับนักปั่น...เพียงเตรียมเสื้อหนาๆเข้าไว้ใส่เสื้อยืดแขนยาว กางเกงขายาว ก็น่าจะเพียงพอกับฤดูกาลได้ ฤดูหนาวไม่ค่อยเป็นอุปสรรคต่อการขี่จักรยานในเมืองไทยเท่าไหร่...

- หมดปัญหาจากฤดูกาล,ความขี้เกียจ และหาแรงบันดาลใจได้แล้ว...ใช่ว่าจะหมดทุกข์ของชาวจักรยาน ทุกข์ต่อไปนี้เป็นทุกข์ที่หนักที่สุด แก้ยากที่สุด ทุกข์นั่นคือ ทุกข์จากการจราจรบนถนนเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ส่งผลต่อชีวิตของชาวจักรยานได้เลย แต่ก็ใช่จะหมดหนทางหาความสุขและความปลอดภัยจากการจราจรได้...
- ปัญหาการจราจรนี้แก้ได้โดยเราเอง เช่น ฝึกซ้อมจนร่างกายแข็งแรงมีทักษะการบังคับรถที่ดี จักรยานก็ควรอยู่ในสภาพที่เหมาะสมกับสภาพถนน..การใช้สัญญาณมือในการขับขี่ได้อย่างถูกต้องถูกเวลา เพื่อที่จะได้ให้ผู้ที่ใช้ยานพาหนะอื่น ได้เข้าใจทิศทางการเคลื่อนที่ของเรา
- เสื้อผ้าก็ควรให้มีสีสันสะดุดตา,ชวนมอง ยวดยานชนิดอื่นจะได้มองเห็นเราแต่ไกล สรุปได้ว่าเครื่องแตงแต่งกายให้ดูดีเข้าไว้ ใครจะว่าเราไม่ได้ว่า ขี่จักรยานกระจอก
- รองเท้าหุ้มส้น,หมวกนิรภัย,ก็จำเป็นใส่แล้วจะดูดีมากในสายตาชาวบ้าน ถือคติ แต่งตัวเต็มยศ แต่งรถยศครึ่ง คือทุกอย่างพร้อมที่จะบังคับรถได้อย่างมีความสุข
- ที่จะลืมไม่ได้อีกอย่างก็คือ เราต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดแล้วคุณจะปลอดภัย
ต้องจำไว้ว่า ไม่มียานพาหนะใดๆจะปลอดภัย100%”
-ปัญหาอีกอย่างที่ชาวจักรยานมักจะพบตามถนนทั่วๆไปโดยเฉพาะตามตรอก-ซอยต่างๆ สิ่งนั้นคือหมา น้องหมาที่ไล่เห่าชาวจักรยานโดยมากจะเป็นหมาที่มีเจ้าของครับ หมาจรจัดจะไม่เห่าไล่แถมหมาจรจัดยังเป็นมิตรกับชาวจักรยานซะอีก (อาจจะมีเป็นบางตัวเท่านั้นที่ไล่เห่าพวกเรา)
- วิธีไล่น้องหมาพวกนี้ ข้อสำคัญคือต้องไม่ปั่นเร่งให้เร็วขึ้น(มันจะยิ่งสนุกใหญ่) ควรปั่นให้ช้าลงไม่ก็รักษาความเร็วเท่าเดิมเอาไว้ ทำใจดีสู้หมา ถ้าเราไม่กลัวมัน..มันจะกลัวเราครับ
- การปั่นหนีหากไม่มั่นใจจริงๆว่าจะหนีพ้น อย่าทำครับ รถล้มไปจะอันตรายกับตัวเองด้วยซ้ำ
- กระบอกน้ำที่พกอยู่เอาขึ้นมาฉีดก็เป็นวิธีที่ดี แต่ต้องมั่นใจว่าเราสามารถทำได้คล่องแคล่วว่องไว ไม่งั้นรถล้มไป....จะอายหมา...

- หากคุณเป็นคนประเภทรักหมา อาจนำขนมต่างๆติดตัวไปด้วยเวลามันเห่าก็โยนให้มันกิน...ผมเองทำแบบนี้มา จนเดี๋ยวนี้ได้หมาเป็นเพื่อนเต็มเลยครับ
-
- จะอย่างไรก็ตาม ที่อ่านมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงเสี้ยวของประสบการณ์ของผมคนเดียวเท่านั้น หากต้องการที่ต้องการจะได้ความรู้ เทคนิคด้านต่างๆให้มากขึ้นแล้ว ผมขอแนะนำให้ใช้วิธีนี้ครับ
- หาเพื่อนที่ปั่นมาก่อนเรามีประสบการณ์ปั่นมากกว่าเรา มาปั่นด้วย ไม่ก็เซาะแสวงหาชมรม,ทีมกลุ่มปั่นต่างๆที่มีมากมาย แล้วก็ขอเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มนั้นๆ แต่ขอให้เลือกสักนิดว่า กลุ่มนั้นเขามีลักษณะการปั่นเป็นอย่างไรเช่นปั่นเร็ว,ปั่นเข้าป่า-ภูเขา,ปั่นเที่ยวใกล้ๆ,ปั่นเที่ยวไกลๆ ,ปั่นไม่มากแต่ชอบแต่งรถ,ปั่นไปกินไป...มากมายไปหมด ต้องดูให้ดีๆนะครับ..อย่าลืมว่าเรามาปั่นหาความสุข
-
- ถึงตรงนี้แล้วคิดว่าพอที่จะเป็นแนวทางหาความสุขจากการขี่จักรยานได้บ้างแล้วนะครับ..
พอจะสรุปอีกครั้งได้ว่า

- ถึงตรงนี้แล้วคิดว่าพอที่จะเป็นแนวทางหาความสุขจากการขี่จักรยานได้บ้างแล้วนะครับ..
พอจะสรุปอีกครั้งได้ว่า

เราควรหาเพื่อน กลุ่ม ชมรมต่างๆ ที่เลือกแล้วว่าเหมาะกับเรา แล้วก็หาความรู้จากคนที่เขาขี่มาก่อนและขอคำแนะนำ เรื่องต่างๆที่เราอยากรู้เกี่ยวกับจักรยานตั้งแต่การเลือกซื้อฯลฯ

และที่สำคัญที่สุดที่อยากจะทิ้งท้ายไว้ตรงนี้ก็คือ
 ความสุขในการปั่นก็คือความพอดีแก่ตนเอง โดยไม่เบียดเบียนครอบครัว เพื่อนมนุษย์
อย่าไปกังวลกับข้ออ้างต่างๆที่ทำให้เราไม่ได้ปั่นจักรยาน ทุกเรื่องที่คุณอ่านมาแล้วทั้งหมดคุณสามารถลืมมันได้ในทันทีและก็ออกมาปั่นๆๆๆๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นใด ขออย่างเดียวคือขอให้ออกมาปั่นจักรยานเท่านั้นคุณก็ได้รับชัยชนะแล้วครับ
                                                                                 อาคเนย์ ปัญจเทพ
                                                                                                                            05-06-2554 14.30น

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555

ดนตรีข้างสวนชวนออกกำลังกายฯ ครั้งที่ 2/2555

"ดนตรีข้างสวนชวนออกกำลังกายฯ ครั้งที่ 2 ประจำเดือน เมษายน 2555"
"วันที่ 22 เมษายน 2555"
"รอบเช้า 7.00น ปั่นจักรยานรอบเมือง เพื่อประชาสัมพันธ์การออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยาน..."
"รอบบ่าย 15.00น. - 18.00น. ฟัีงเพลง,ร้องเพลง...จากเยาวชนและศิลปินรับเชิญ"
"พบกันที่ สวนหย่อมศุภสารรังสรรค์ หาดใหญ่"

------------------------------------------------------------------------------------------------

"ภาพจากครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1เมษายน 2555"

nationdogs เขียน:
รูปภาพ 


1.ชื่อโครงการ
“ดนตรีข้างสวน ชวนออกกำลังกาย ห่างไกลสิ่งเสพติด”
2. ประเภทโครงการ โครงการใหม่(โครงการนำร่อง)
3. หลักการและเหตุผล
“การออกกำลังกายและการทำกิจกรรมสันทนาการ ช่วยกระตุ้นพัฒนาการ ป้องกันสิ่งเสพติดในเด็กและเยาวชน” มีประโยชน์ต่อสุขภาพกายและใจในทุกเพศ ทุกวัย ประชาชนในสังคมเมืองเช่นอำเภอหาดใหญ่มีลักษณะการทำงานแบบนั่งโต๊ะ เด็กและเยาวชนใช้เวลากับเกมส์ อินเตอร์เน็ต และการเรียนพิเศษ ซึ่งอาจส่งผลให้มีกิจกรรมทางกายและสันทนาการ ไม่เพียงพอต่อการมีสุขภาวะที่ดี นอกจากนี้ยังอาจมีอุปสรรคต่อการทำกิจกรรมดังกล่าว ได้แก่ การขาดแรงจูงใจ การจัดหาเวลา และสถานที่ที่เหมาะสมได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายอันเกิดจากการทำกิจกรรม
การจัดกิจกรรมในสาธารณะโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อาศัยหลักความเท่าเทียมของโอกาสและผลลัพธ์เพื่อให้มีสุขภาพดี เป็นแนวทางหนึ่งในการกระตุ้นและส่งเสริมให้คนในชุมชนมีโอกาส มีเครือข่าย และมีพื้นที่ในการร่วมกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาวะของตน
เครือข่ายจักยานหาดใหญ่ เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าวและมีความพร้อมในการจัดกิจกรรมโดยเฉพาะสำหรับเด็กและเยาวชน และครอบครัว ผ่านการแสดงดนตรี ร้องเพลง ศิลปะ มาเป็นสื่อกลางและสอดแทรกความรู้ด้านสุขภาพ อาทิ การออกกำลังกาย โทษภัยสารเสพติด โดยในโครงการนำร่องนี้ จะเน้นการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน และการแลกเปลี่ยน เรียนรู้เกี่ยวกับบุหรี่
4. วัตถุประสงค์
เพื่อให้มีกิจกรรมสาธารณะและปลูกจิตสำนึกเพื่อการออกกำลังกายและสันทนาการในเด็กและเยาวชนในอำเภอหาดใหญ่ โดยไม่มีธุรกิจมาเกี่ยวข้องกับการจัดงาน
5.กลุ่มเป้าหมาย
เด็ก เยาวชนและผู้สนใจ
6.ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.เด็ก เยาวชน ครอบครัว และผู้สนใจ ร่วมกิจกรรมเพื่อการออกกำลังกายและสันทนาการ
2.สร้างวัฒนธรรมเพื่อให้เยาวชนปลอดภัย ห่างไกลสิ่งเสพติด

7.ตัวชี้วัด
1.มีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมอย่างน้อย 60คนต่อครั้ง
2.ความเห็นและความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมจากผู้เข้าร่วม

8.ระยะเวลาดำเนินการ
จำนวน 3 ครั้ง ในวันอาทิตย์ที่1 , 22 และ 29 เดือน เมษายน 2555
9.วิธีดำเดินการ
แบ่งเป็น 3 กิจกรรม ตั้งแต่เวลา 7.00น.-18.00น.
เวลา กิจกรรม
7.00น.-9.00น. ขี่จักรยานร่วมกัน
14.00น.-16.00น. สอนการเล่นดนตรี โดยนักดนตรีอาชีพ
16.00น.-18.00น. -การแสดงดนตรี
-การพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากแขกรับเชิญที่เคยเลิกสูบบุหรี่มาแล้ว

10. สถานที่
สวนหย่อมชุมชนท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง(ถนนศุภสารรังสรรค์) อ.หาดใหญ่
11.วิธีประเมินผลโครงการ
ประเมินผลโครงการจากการลงทะเบียนผู้เข้าร่วมกิจกรรม และจากการประเมินความเห็นและความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมจากผู้เข้าร่วม
12.แผนการดำเนินงานตลอดโครงการ
ดังเช่นข้อ 9.





13.ที่ปรึกษาโครงการ 
นายณรงค์ ยงณรงค์เดชกุล ผู้บัญชาการเรือนจำกลาง นครศรีธรรมราช
ดร.พญ.รัศมี สังข์ทอง สถาบันวิจัยและพัฒนาสุขภาพภาคใต้(วพส.) ม.อ.

14.ผู้รับผิดชอบโครงการ 
นายอาคเณย์ ปัญจเทพ Hatyai Cycling - เครือข่ายจักรยานหาดใหญ่ โทรฯ08-9876-6697
ที่อยู่ 51/8 ถ.ชลธารา ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
นายวิวัฒน์ วิทยาทันต์ โทรฯ08 1963 3155

15.ผู้ร่วมสนับสนุนโครงการ
สถาบันวิจัยและพัฒนาสุขภาพภาคใต้(วพส.) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
เครือข่ายจักรยานหาดใหญ่ , บ.หาดทิพย์ , ชุมชนท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง
ร้านโตเกียวสโตร์ , โรงเรียนดนตรีแปซิฟิค , ร้านโรงเตี๊ยม , ร้านโคอาร์ท , 
ร้านเมนูเสต๊กหาดใหญ่ , ร้านเนชั่นมิวสิกหาดใหญ่ ,
** ติดตามความคืบหน้าและชมภาพกิจกรรมได้ที่ http://www.hatyaicycling.blogspot.com **
 หรือที่Face Book  http://www.facebook.com/events/212939468821619/

รูปภาพ


"ภาพบรรยากาศช่วงเช้าของวันที่ 1 เมษายน 2555 ที่สวนหย่อมศุภสารฯ"







"รวมหมู่ก่อนออกเดินทางไปประชาสัมพันธ์งานตอนเย็น"



 "คุณหน่อยกับคุณวัฒน์...ประเดิมเวที"


 "16.00น. การแสดงจากร้านโรงเตี๊ยม โดยคุณจอมกับลูกชาย และสมาชิกในวง"



"คั่นรายการโดยแนะนำหนังสือมายา ยาสูบ "



"อ.เอกชัย มาพร้อมกับลูกศิษย์ ลูกหามากมาย"







"ได้เวลา 18.00น. เพลง ช้าง เป็นสุดท้ายจาก อ.เอกชัย...."

"เสียงปรบมือยาวนานสำหรับการแสดงจากผู้ร่วมงานราวๆ 50 คน.." 

"ขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมกันทำให้กิจกรรมนี้ผ่านไปได้ด้วยดี"

"ภาพต่อจากนี้ได้รับความอนุเคราะห์จาก อ.นพศักดิ์"
"ขอบคุณมากๆครับ"

















"ขอบคุณทุกคนทุกส่วนที่ร่วมกันทำงานให้สำเร็จได้ด้วยดีตามเป้าหมาย"

"พบกันอีกวันที่ 22 และ 29 เมษายน 2555 นะครับ"


ไฟล์แนป:

Hatyai Car-free day 2020

หาดใหญ่ คาร์ฟรีเดย์ 22 กันยายน 2563